วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สลายพิษออกจากองค์กร ก่อนที่องค์กรจะตายเพราะพิษ

สลายพิษออกจากองค์กร ก่อนที่องค์กรจะตายเพราะพิษ

อ.กอบกิจ ประดิษฐผลพานิช หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารการตลาด คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

และที่ปรึกษาองค์กรธุรกิจทั่วไป

kobkij@hotmail.com

บทความนี้ตีพิมพ์ลงใน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 4 มิถุนายน 2552 หน้า 11

หากองค์กรของคุณมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง, มีคนหลายคนไม่มองหน้ากัน, ขาดวัฒนธรรมพูดกันฉันมิตร, มีการเชือดเฉือนในห้องประชุมบ่อย ๆ, พนักงานหลายคนร้องเรียนว่าบริษัทหรือเจ้านายไม่เป็นธรรมกับเขา, ไม่มีความสัมพันธ์ฉันเพื่อนหลังเลิกงาน และสุดท้ายคือ มีอัตราการหมุนเวียนลาออกของทีมงานสูง นั่นเริ่มเป็นสัญญาณแสดงว่าสภาวะบรรยากาศในที่ทำงานขององค์กรคุณเริ่มเป็นพิษเสียแล้ว และแน่นอนว่าถ้าที่ทำงานคุณเป็นพิษ ก็ยากนักที่จะทำให้เป้าหมาย พันธกิจ กลยุทธ์ ผลการปฏิบัติงาน ผลประกอบการขององค์กรเป็นไปตามที่หวัง

เคยสังเกตไหมครับ ว่าองค์กรหรือหน่วยงานมีสภาวะบรรยากาศการทำงานที่เป็นพิษ พอนานวันเข้าจะพบว่า อัตราการหมุนเวียนลาออกของทีมงานสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทว่าพิษนั้นก็หาได้หมดไป ซ้ำร้ายเหมือนต้มน้ำซุป คือยิ่งเคี่ยว ยิ่งข้น นั่นแสดงว่าการไม่จัดการอะไรเลยกับสภาวะบรรยากาศการทำงานที่เป็นพิษ ภาวะเป็นพิษนี้ จะแพร่กระจายไปเรื่อย ๆ อีกด้วย และมีแต่จะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง เหมือนกับที่เคยได้ยินกันว่า “คนพาลสามัคคี คนดีหนีออกจากเมือง” ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าคนดีมักไม่อยากคบกับคนพาลก็เป็นได้

ตอนนี้ในแวดวงวิชาการกำลังมีหนังสือออกมาเล่มหนึ่งชื่อ Toxic Workplace แต่งโดยMitchell Kusy และ Elizabeth Holloway หนังสือเล่มนี้ออกมาได้จังหวะเหมาะคือช่วงเศรษฐกิจโลกกำลังถดถอย ซึ่งผมมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะให้ความสำคัญกับสลายพิษออกจากองค์กร ด้วยการปรับปรุงและพัฒนาวิธีคิดของคนในองค์กร เพื่อให้องค์กรหมดพิษ และทีมงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจ

โดยปรกติ หากองค์กรหรือหน่วยงานไหน เริ่มประสบสภาวะบรรยากาศการทำงานที่เป็นพิษ และ มีคนแสดงพฤติกรรมที่เป็นพิษออกมามาก ๆ หรือ มีคนทะเลาะ ไม่ร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน ผู้บริหารส่วนใหญ่ก็มักจะใช้วิธีแก้ปัญหาโดยการสั่งย้ายคู่กรณีไปฝ่ายอื่นบ้าง หรือ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขอย้ายตัวเองข้ามแผนกเพื่อหนีจากสถานการณ์เป็นพิษไป

วิธีการหลบปัญหามากกว่าแก้ปัญหาเช่นนี้ มีผลเสียกับองค์กรในอนาคตต่อไปมาก เพราะเหตุผลแรกเลยคือ ปัญหาของความเป็นพิษยังไม่ได้รับการแก้ไข สภาวะความเป็นพิษยังอาจจะคงอยู่ และ เหตุผลต่อมาคือ การย้ายแผนกของคน อาจจะนำพาปัญหาความเป็นพิษและความแตกแยกไปยังฝ่ายอื่นต่อไปด้วยก็ได้

หากท่านเริ่มสนใจที่จะกำจัดสภาวะบรรยากาศเป็นพิษในองค์กรนี้ หลักการในการแก้ไขปัญหาเริ่มจากการเปิดใจเริ่มต้นกันใหม่ของทุกคนในองค์กรก่อน กล่าวคือ สิ่งที่เคยทำผิดพลาดกันมา ขอให้อโหสิ ยกโทษกันไปให้หมดก่อน เพื่อเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกัน การให้อภัยกันไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่าเป็นก้าวแรกที่จะทำให้คนเริ่มเปิดใจต่อกันมากขึ้น

หลังจากนั้นผู้บริหารหน่วยงานหรือองค์กร ควรเริ่มขั้นที่สองด้วยการจัดประชุมร่วมกันกับทุกคนในแต่ละฝ่าย เพื่อกำหนดพฤติกรรมที่เป็นพิษ หรือไม่สมควรทำออกมาประกาศให้รับรู้โดยทั่วกันไว้ เช่น การเชือดเฉือนฉีกหน้ากันในที่ประชุม, การพูดรุนแรง, การขาดสติปล่อยให้ความโกรธแสดงออกมาทางกายและวาจา, การโกหกหลอกลวง, การทุจริต คดโกง, การไม่รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น, การใช้แรงงานมากเกินสมควร, การเอาเปรียบ, การเล่นพรรคเล่นพวก, การกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา เป็นต้น การประกาศพฤติกรรมที่เป็นพิษ และมีการเผยแพร่เป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจนจะทำให้ทีมงานทุกคน รวมถึงตัวท่านผู้บริหารเองไม่กล้าก่อพิษเช่นนี้อีก

หลังจากนั้นคณะผู้บริหารควรจะประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดรูปแบบวัฒนธรรมองค์กรในอุดมคติ และ วิธีการในการปลูกฝังให้เข้าสู่ DNA ของคนในองค์กร นอกจากนี้ หากบุคคลที่ก่อให้สภาวะบรรยากาศเป็นพิษยังคงแสดงพฤติกรรมเป็นพิษอยู่ ก็อาจจะเลือกบุคคลที่ไม่เป็นพิษเสียเอง ให้ไปลองพูดแนะนำตัวบุคคลที่มีพฤติกรรมเป็นพิษ แบบ”เป็นการส่วนตัว” เผื่อว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมเป็นพิษอาจจะยังไม่รู้พฤติกรรมของตัวเอง

ทั้งนี้การแก้ไขสภาวะบรรยากาศเป็นพิษในองค์กร จำเป็นต้องใช้ทักษะอื่น ๆ ประกอบอีกมากมาย ทั้งทักษะความเป็นผู้นำ, การฟังความเห็นแบบ 360 องศา ทั้งจากเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง , การประเมินผลข้ามระดับชั้นในการบริหาร, การแสวงหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเมืองในองค์กร, หลักธรรมาภิบาล, การสร้างค่านิยมร่วมกัน, การปลูกฝังวัฒนธรรมที่ดีในองค์กรระยะยาว ฯลฯ

การสลายสภาวะบรรยากาศเป็นพิษในองค์กรจึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ซึ่งทุกท่านคงพอทราบดีถึงผลเสียจากการที่มีทีมงานที่ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่รักองค์กร และไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันชัดเจนดีอยู่แล้ว และคงจะพอทราบว่า การสลายสภาวะบรรยากาศเป็นพิษในองค์กรเป็นเรื่องที่สำคัญและเหมาะกับช่วงเศรษฐกิจตกต่ำที่ต้องการความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในองค์กรแค่ไหน ผมหวังว่า ทุกท่านจะร่วมกันสลายพิษออกจากองค์กรของท่านได้ก่อนที่องค์กรของท่านจะตายเพราะพิษนี้ไปเสียก่อน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น